Performance Planner คือ Tools ที่ใช้ในการคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เราต้องการ โดยการใช้ข้อมูลที่เราเคยทำได้ มาคาดการณ์ผลลัพธ์ เช่น หากเราต้องการ Conversions จำนวน 30 Conv. จากข้อมูลที่ผ่านมาแล้ว เราจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ จากประวัติ Conversion Rate เท่านี้ เราจะมี CPA(cost-per-acquisition)ที่ราคาเท่าไหร่ เป็นต้น
Performance Planner พื้นฐานการใช้งาน?
หลังจากที่เปิดเข้ามาที่ Performance Planner หลักๆเลยจะมีให้เลือก 2 เมทริกซ์ว่าเราจะดูเมทริกซ์ไหน 1. Clicks และ 2. Conversions ซึ่งแต่ละตัวเราก็จะสามารถเลือก Target ที่เราต้องการโฟกัสได้ อย่าง Clicks นั้นก็จะมีส่วนที่โฟกัสได้คือ clicks, spend หรือ average CPC แต่ถ้าเลือก Conversion เป็นคีย์เมทริกซ์ก็จะสามารถเรื่อง Target ได้คือ conversions, spend หรือ average CPA
Plan Forecast
ซึ่งเมื่อเราเลือก Target นั้นก็จะมีจำนวนตัวเลขให้ใส่ว่าเราต้องการ Target จุดต่างๆที่ประมาณเท่าไหร่ สามารถใส่ตัวเลขเองได้เลย หรือเลือกจาก Previous period conversions หรือ Same time last year conversions ซึ่งของผมไม่สามารถเรื่องสองอันนี้ได้เพราะบัญชีนี้เพิ่งรันยังไม่ถึงเดือน ซึ่งผมก็ได้ลองใส่ไปเล่นๆว่าต้องการ 18 Conversions
หลังจากเซ็ทตัวแปรที่เราต้องการดูแล้ว Google จะทำการสร้าง Budget Plan ให้เราดู โดยจะมี Forecast Chart ให้เราดูซึ่งมีจุดสองจุดในชาร์ท จุดแรก “จุดสีเทา” คือเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ใช้การตั้งค่าเดิมของแคมเปญ จุดที่สอง “จุดสีน้ำเงิน” คือบอกว่าถ้าเราเปลี่ยนแปลงแคมเปญตามจุดต่างๆ จะมีผลต่อคีย์เมทริกซ์ของเราอย่างไร(Clicks หรือ Conversions)
นอกจาก Target ที่เราสามารถใส่ได้เองนั้น เราสามารถคลิกตามจุดในชาร์ทได้ ผลลัพธ์ด้านล่างก็จะเปลี่ยนตามจุดที่เราคลิก อย่างตัวอย่างตามภาพนั้นจุดสีน้ำเงิน หรือ Target ที่ผมเลือกนั้นบอกว่าถ้าผมใช้เงิน 22,900 บาท ผมจะได้ 18 Conversions และมี Average CPA ที่ 1,270 บาท (ต้องใส่ Conversion rate โดยประมาณตอนเริ่มด้วย)
โดยด้านขวาของชาร์ทจะมีแถบ Forecast ที่สามารถเลือกได้ว่าเราจะโฟกัสที่จำนวนหรือราคา อย่างของผมคีย์เมทริกซ์ที่ผมเลือกคือ Conversion ผมก็จะมีแถบที่เลือกได้สองอันคือ “Most conversions for spend” หรือ “Lowest avg. CPA for spend”
และด้านล่างสุดจะมีชื่อแคมเปญของเราที่บอกว่าการตั้งค่าของเราตอนนี้มีใช้เงินเท่าไหร่ มี Conversions หรือ Clicks เท่าไหร่ Cost per Result เท่าไหร่ ซึ่งก็จะมีให้ดูเพิ่มเทียบกันว่าแล้วตามแพลนหรือจุดน้ำเงินที่เราเลือกนั้นจะมีผลลัพธ์ต่างๆเท่าไหร่ ซึ่งเราสามารถ “คลิกที่ชื่อแคมเปญ” แล้วจะมีแถบด้านขวาสุดเพิ่มออกมาตามภาพด้านบน ซึ่งสามารถใส่คีย์เวิร์ดเพิ่มเติมได้ จากที่ผมลองใส่เพิ่มนั้น ยังแสดงผลว่า Failed to retrieve forecasts อยู่
Compare tab
หลังจากคลิกแถบ Compare มาแล้วนั้นก็จะมี Bar Chart ให้เราดูเปรียบเทียบ 3 ส่วน 1. Overall spend 2. Total conversions 3. Avg. CPA โดยสามารถเลือกเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมาด้านขวาที่แถบ Past performance
โดยการใช้งานใน Performance Planner นั้น แคมเปญต้องมีข้อมูลระดับนึงแล้วจึงสามารถใช้งานได้ จะทำให้ไม่สามารถดู Performance Planner ได้ทุกแคมเปญ
โดยทาง Searchengineland ได้บอกวิธีคำนวณการ Forecast คร่าวๆที่ Google แจ้งไว้ว่า
- การ Forecasts นั้นจะอัพเดททุกๆ 24-48 ชั่วโมง โดยจะอัพเดทจากประวัติการใช้งานแคมเปญ รวมถึงข้อมูลการเสนอราคาประมูล(auction)
- ในการเรื่องช่วงเวลามาเปรียบเทียบนั้น ต้องคำนึงถึงช่วงวันหยุดและปริมาณการเข้าชมตาม Seasonal ต่างๆด้วย ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ
- Google บอกว่าการ Forecasts จะแม่นยำมากขึ้น ยิ่งใกล้ถึงวันเริ่มต้นที่จะถึง
ในตอนแรกที่มีการปล่อยฟีเจอร์นี้มีการใช้ชื่อ Budget Planner แต่ตอนหลังก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น Performance Planner ซึ่งหลักๆ Tools นี้ไม่ได้แค่ใช้ในเรื่องการเห็น Budget ที่เราต้องใช้เพียงอย่างเดียว หากเราต้องการ Result เท่านั้นเท่านี้ มันยังใช้คาดการณ์ได้ เช่น ถ้าเราทำการ Optimize เพิ่ม Conversion Rate ผลลัพธ์ CPA แคมเปญเราจะเป็นยังไง, หากเราทำการเพิ่มคีย์เวิร์ดนี้ลงไป ผลลัพธ์จะเพิ่มเติมมาเป็นยังไง หรือหากเราทำการลด Target CPA ลง Budget กับจำนวน Conversions เราจะเหลือเท่าไหร่ ซึ่งใช้ดูเป็นแนวทางได้แม่นระดับนึง เพราะว่ามีการเอาข้อมูลเก่ามาคำนวณด้วย ซึ่งจะต่างจาก Forecast Tools ของ Keywords Planner ที่จะใช้สำหรับก่อนเริ่มแคมเปญ แต่อันนี้คือมีข้อมูลระดับนึงแล้วจึงคาดการณ์ขั้นต่อไป
หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ แล้วเจอกันบทความถัดๆไปครับ
ใครที่อยากได้อัพเดทลึกๆใหม่ๆ ก่อนใคร
รวมถึงพูดคุยแชร์เทคนิคกัน คลิก Thai Digital Marketing Hub – ความรู้การตลาดออนไลน์
อ่านบทความ Digital Marketing อื่นๆเพิ่มเติม
- สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มทำโฆษณา Google Ads
- Attribution Model สิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการ Optimize
- Discovery Campaign โฆษณารูปแบบใหม่ของ Google
- Click 3 ประเภทที่คนทำโฆษณา Facebook ads ต้องรู้
ใครที่อยากได้อัพเดทลึกๆใหม่ๆ ก่อนใคร
เข้าร่วมกลุ่มเป็นครอบครัวเดียวกัน อัพเดท-พูดคุยข่าวสารอย่างไม่รู้จบ!
Digital Marketing Thailand Hub – ศูนย์รวมนักการตลาดออนไลน์แห่งประเทศไทย
Digital Knowledge Thailand (Ads, Marketing, Content, Production & Website)
เติร์ด ทศพร นักการตลาดออนไลน์ ทำงานใน Digital Agency
รับทำโฆษณา, เว็บไซต์ WordPress และ Production
Facebook ads, Google ads, Google Analytics และ Google Tag manager
ทำโฆษณา, เขียน Blog และแชร์ความรู้