PPC อีกหนึ่งเรื่องน่าสนใจที่นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจที่อยากจับทางทำการตลาดและโฆษณาออนไลน์บน search engines ต้องทำความเข้าใจ
เพราะการทำแคมเปญ PPC มีมากกว่าการลงเงินโฆษณาให้ติดอันดับเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องพื้นฐานอื่นๆ อีกมากมาย
PPC คืออะไร?
PPC ย่อมาจาก Pay-Per-Click หรือรู้จักกันทั่วไปในชื่อว่า Paid Search คือช่องทางการโฆษณาออนไลน์บน search engine (เช่น Google, Yahoo, Bing และ Baidu เป็นต้น) ที่เรานิยมในประเทศไทยก็จะเป็น Google การโฆษณาบน Google เป็นการใช้กลยุทธ์วางแผนและซื้อคีย์เวิร์ดที่คาดว่าลูกค้าของพวกเขาจะใช้คำนั้นๆ ในการเสิร์ชหา เรียกว่า bid keyword
ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ เจ้าของธุรกิจรายย่อย และนักการตลาดออนไลน์ ต่างหันมาจับทางทำ PPC ในการทำการตลาดและโฆษณาสินค้าหรือบริการของตนอย่างแพร่หลาย โดยผู้ลงโฆษณาจะต้องจ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีผู้คลิก ads ที่ตนได้ซื้อหรือ bid คีย์เวิร์ดนั้นไว้
เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดจึงจำเป็นต้องรู้ เข้าใจ และวางแผนการ bid คีย์เวิร์ดให้เหมาะสม กระตุ้นให้คลิก รวมทั้งมีโอกาสสร้าง conversion ได้จริง เพราะหากพวกเขาคลิกเข้ามาแต่ไม่ได้ take action ที่ตอบโจทย์กับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ก็อาจทำให้เสียเงินโฆษณาไปเปล่าๆ ได้
PPC กับ CPC ต่างกันอย่างไร
นักการตลาดหลายๆคน คงเคยได้ยินคำว่า PPC กับ CPC กันอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์และความแตกต่างของคำทั้งสองคำนี้อย่างชัดเจนใช่ไหม
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคอนเซ็ปต์ของแต่ละคำกัน PPC หรือ Pay-Per-Click ว่าด้วยรูปแบบการจ่ายค่าโฆษณาในแต่ละครั้งที่มีคนคลิกเข้ามา ส่วน CPC ย่อมาจาก Cost-Per-Click หมายถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละคลิกนั้นมากน้อยเท่าไหร่
แม้จะมีคนใช้คำสองคำนี้สลับสับสนกันอยู่บ่อยๆ แต่จริงๆ แล้ว ทั้ง PPC และ CPC นั้นแตกต่างกัน โดย PPC ใช้อธิบายวิธีการลงโฆษณา ในขณะที่ CPC ใช้อธิบายมูลค่าเม็ดเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละคลิกนั่นเอง
โฆษณาหน้าแรกบน google ต้องทำอย่างไร
วิธีลงโฆษณาบน Google หรือทำแคมเปญ PPC นั้น มีขั้นตอนพื้นฐานหลักๆ อยู่ 9 ขั้นตอน ด้วยกัน ซึ่งเริ่มทำได้ดังนี้
เริ่มต้น Research
ก่อนอื่นต้องตอบคำถามให้ได้ว่า เป้าหมายของแคมเปญนี้คืออะไร คุณจะทำไปเพื่ออะไร เพราะคำตอบนี้จะช่วย shape ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร และนำไปสู่การสร้าง conversion ได้ในที่สุด โดยคุณต้องศึกษาข้อมูลว่ากลุ่มเป้าหมายชอบอะไร มีพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างไร ต้องการอะไร และกำลังมองหาอะไรอยู่ตอนนี้
Keyword Planner คือเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้คุณวางแผนได้ว่าจะเลือกใช้คำหรือกลุ่มคำใดมาเป็น keyword ในการลงโฆษณาได้อย่างเหมาะสม
วิเคราะห์แนวโน้ม
เมื่อได้ลิสต์ของคำหรือกลุ่มคำที่จะนำมาใช้เป็น keyword จำนวนหนึ่งแล้ว ก็ต้องนำมาวิเคราะห์กันต่อว่าคำหรือกลุ่มคำแต่ละอย่างที่มีแนวโน้มการค้นหา คลิก และการแข่งขันมากน้อยเท่าไหร่ ควรลงทุน bid คำนั้นๆ หรือไม่ เมื่อเทียบกับ budget ที่มี และเป้าหมายที่ตั้งไว้
เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์นั้นก็มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ซึ่งหนึ่งในโปรแกรมที่แนะนำ ก็คือ Google Keyword Planner ซึ่งทำได้ ดังนี้
- เตรียมตาราง excel สำหรับลงข้อมูลของคำหรือกลุ่มคำแต่ละตัว
- คีย์คำหรือกลุ่มคำที่เตรียมไว้ในลิสต์ลงในโปรแกรม Google Keyword Planner เพื่อดูว่าคำหรือกลุ่มคำนั้นมี search volume มากน้อยเท่าไหร่ และการแข่งขัน bidding สูงต่ำแค่ไหน
- เลือกกลุ่มคำหรือ long tail keywords เลือกคำที่มีจำนวน search volume และมีแนวโน้มการแข่งขันไม่สูงจนเกินไป
- วิเคราะห์ข้อมูลอื่นร่วมด้วย เช่น จำนวนประชากร อายุ สถานที่ตั้ง เป็นต้น
จัดเรียง Keyword
เมื่อได้ลิสต์คำหรือกลุ่มคำที่จะใช้ bidding แล้ว ก็ต้องมาจัดเรียง keyword เหล่านั้น โดยอิงตามกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญเป็นหลัก ดังนี้
- เตรียมลิสต์ keyword ทั้งหมดไว้ โดยนำมาปรับแต่งให้เป็น long tail keyword
- จัดกลุ่ม keyword ที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกัน
- สร้าง ad สำหรับ ad group แต่ละกรุ๊ป
เพิ่ม Negative keyword
Negative keyword คือคำหรือกลุ่มคำที่ไม่เกี่ยวข้องกับโฆษณาที่เราลงโฆษณา ซึ่งช่วยให้โฆษณาของเราไม่ต้องปรากฏเมื่อมีคนเสิร์ช negative keyword นั้น ทำให้กรองและคัดคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายออกไปได้
การตั้งค่า negative keyword จึงช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ รวมทั้งเซฟเงินลงทุนที่ไม่ต้องเสียเปล่าไปกับผู้ที่คลิกเข้ามาและไม่ take action ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย
คำนวณงบ
งบประมาณหรือ budget อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณต้องวางแผนให้ดี โดยคุณต้องคำนวณ max cost สำหรับการคลิกแต่ละครั้งที่คาดว่าจะยอมรับและจ่ายได้ โดยที่ไม่ขาดทุนเอง คุณจึงต้องโฟกัสที่ conversion rate และงบประมาณทั้งหมดเป็นหลัก โดยคุณสามารถคำนวณ max cost ได้ ดังนี้
Max CPC = (กำไรจากลูกค้าแต่ละคน) * (1 – profit margin) * (conversion rate ของเว็บไซต์)
เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ทุกๆ 1,000 ครั้ง จะเกิด conversion ทั้งหมด 30 conversions ดังนั้น conversion rate คิดเป็น 3% รวมทั้งกำไรเฉลี่ย 500 บาท/คน ส่วน profit margin คิดเป็น 30% จะคำนวณได้ ดังนี้
Max CPC = $500 * (1 – 0.30) * 3% = 10.50
วิเคราะห์คู่แข่ง
รู้เขา รู้เรา…อีกหนึ่งแนวคิดที่ควรศึกษาก่อนลงสนามจริงทุกครั้ง คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าคู่แข่งของธุรกิจนั้น ทำแคมเปญหรือโฆษณาอย่างไร โดยใช้ Adwords ดังนี้
- ล็อกอินเข้าบัญชี Google Ads
- เลือกเข้าไปดูแคมเปญใดแคมเปญหนึ่งของคุณ
- ไปที่รายละเอียดของเมนู
- คลิก Auction Insight
เขียน Copy Ads
ขั้นตอนต่อมาคือครีเอตคำโฆษณาหรือ copy ads ที่ปรากฏขึ้นเมื่อมีผู้เสิร์ช keyword ที่เกี่ยวเนื่องกับโฆษณาของคุณบน search engines
การเขียนคำโฆษณาสำหรับ Adwords นั้น มีพื้นที่จำกัด จึงต้องเขียนให้ดึงดูดผู้ใช้งานและรองรับกับอัลกอริธึ่ม การเพิ่ม keyword ไว้ในทุก elements ของ copy ads จะมีส่วนช่วยได้มาก รวมทั้งชูจุดเด่นหรือ USPs ของสินค้าและบริการ และโปรโมชั่นหรือข้อเสนออื่นๆ ตามสมควร โดยทั่วไปแล้ว copy ads สำหรับ Adwords ประกอบด้วย
- Headline1,2 และ 3 อย่างละไม่เกิน 30 ตัวอักษร
- Description 1 และ 2 ไม่เกิน 90 ตัวอักษร
- Display URL และ Path
ใส่ CTA ชัดเจน
CTA หรือ Call-To-Action คำสั้นๆ แต่มีความหมาย ไม้ตายสุดท้ายที่ช่วยกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้ take action เพื่อนำไปสู่ conversion ตามที่เราต้องการ การเขียน CTA จึงควรกระชับ ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าพวกเขาต้องทำอะไรต่อไป เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการหรือมองหาอยู่
เพิ่ม Extensions
Extensions เปรียบเสมือนส่วนเสริมที่ข่วยให้ลูกค้าทำความรู้จัก เข้าถึงแบรนด์ รวมทั้ง take action ตามที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น เพราะ Extensions แต่ละตัวจะให้ข้อมูลสำคัญ ทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการเริ่มทำแคมเปญ PPC ซึ่งรับรองว่าถ้าเดินตามสเต็ปนี้ เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสติดอันดับผลการค้นหาที่ดีแน่นอน
ใครที่อยากได้อัพเดทลึกๆใหม่ๆ ก่อนใคร
เข้าร่วมกลุ่มเป็นครอบครัวเดียวกัน อัพเดท-พูดคุยข่าวสารอย่างไม่รู้จบ!
Digital Marketing Thailand Hub – ศูนย์รวมนักการตลาดออนไลน์แห่งประเทศไทย
Digital Knowledge Thailand (Ads, Marketing, Content, Production & Website)
ขอบคุณอ้างอิงและรูปภาพจาก:
https://makewebbetter.com/blog/9-simple-steps-to-launch-successful-pay-per-click-campaign/amp/
https://www.freepik.com
เติร์ด ทศพร นักการตลาดออนไลน์ ทำงานใน Digital Agency
รับทำโฆษณา, เว็บไซต์ WordPress และ Production
Facebook ads, Google ads, Google Analytics และ Google Tag manager
ทำโฆษณา, เขียน Blog และแชร์ความรู้
Author
-
เติร์ด ทศพร นักการตลาดออนไลน์ ทำงานใน Digital Agency รับทำโฆษณา, เว็บไซต์ WordPress และ Production Facebook ads, Google ads, Google Analytics และ Google Tag manager ทำโฆษณา, เขียน Blog และแชร์ความรู้
Facebook Comments